เราให้บริการรับทำรั้วสำเร็จรูปเขตสายไหม คลอบคลุมทั่วเขตสายไหม ให้บริการด้วยทีมงานที่มีคุณภาพมีประสบการณ์ทำงานตรงตามเวลาที่กำหนดไม่หนีงานอย่างแน่นอนไว้ใจได้ ฝากใว้ด้วยกับบริการของเรา
#รั้วสำเร็จรูปเขตสายไหม
#รั้วสําเร็จรูปราคาเขตสายไหม
#รั้วสําเร็จรูป scgเขตสายไหม
#รั้วคอนกรีตสําเร็จรูปราคาเขตสายไหม
#รั้วสำเร็จเขตสายไหม
#รั้วสําเร็จรูป scg ราคาเมตรละเขตสายไหม
#แผ่นรั้วคอนกรีตสําเร็จรูปราคาเขตสายไหม
#แผ่นรั้วสําเร็จรูปราคาเขตสายไหม
#ราคารั้วสําเร็จรูปเมตรละเขตสายไหม
#รั้วคอนกรีตสําเร็จรูปราคาเมตรละเขตสายไหม
#รั้วสําเร็จรูปราคาเมตรละเขตสายไหม
#แผ่นรั้วสําเร็จรูปราคาถูกเขตสายไหม
#รั้วสําเร็จรูปไทวัสดุเขตสายไหม
#รั้วคอนกรีตสำเร็จรูปเขตสายไหม
#รั้วปูนสําเร็จรูปราคาเขตสายไหม
#รับติดตั้งรั้วสำเร็จรูปเขตสายไหม
#รับทำรั้วบ้านเขตสายไหม
#รับทำรั้วเขตสายไหม
#รับทํารั้วบ้านราคาถูกเขตสายไหม
#รับสร้างรั้วบ้านราคาถูกเขตสายไหม
#รับทํารั้วบ้านเขตสายไหม
#รับทํารั้วบ้านราคาเขตสายไหม
#รับทํารั้วเมทัลชีทเขตสายไหม
#รับสร้างรั้วเขตสายไหม
เขตสายไหม (อังกฤษ: Silk Road หรือ Silk Route) เป็นชุดเส้นทางการส่งการค้าและวัฒนธรรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของอันตรกิริยาทางวัฒนธรรมผ่านภูมิภาคของทวีปเอเชียที่เชื่อมตะวันตกและตะวันออกโดยการโยงพ่อค้าวาณิช ผู้แสวงบุญ นักบวช ทหาร ชนเร่ร่อนและผู้อาศัยในเมืองจากจีนและอินเดียไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระหว่างเวลาหลายสมัย[1]
เส้นทางสายไหมมีความยาว 6,437 กิโลเมตร (4,000 ไมล์) ได้ชื่อมาจากการค้าผ้าไหมจีนที่มีกำไรมากตลอดเส้นทาง เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220) ราชวงศ์ฮั่นขยายเส้นทางการค้าส่วนเอเชียกลางราว 114 ปีก่อน ค.ศ. ส่วนใหญ่ผ่านคณะทูตและการสำรวจของผู้แทนทางการทูตจักรวรรดิจีน จางเชียน (Zhang Qian)[2] ชาวจีนสนใจมากกับความปลอดภัยของผลิตถัณฑ์การค้าของพวกตนและขยายกำแพงเมืองจีนเพื่อประกันการคุ้มครองเส้นทางการค้านี้[3]
การค้าบนเส้นทางสายไหมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาของอารยธรรมจีน อนุทวีปอินเดีย เปอร์เซีย ทวีปยุโรปและคาบสมุทรอาหรับ โดยเปิดอันตรกิริยาทางการเมืองและเศรษฐกิจทางไกลระหว่างอารยธรรม[4] แม้ผ้าไหมเป็นสินค้าหลักจากจีน แต่ก็มีการค้าสินค้าอื่นจำนวนมาก ศาสนา ปรัชญาหลายความเชื่อและเทคโนโลยีต่าง ๆ จนถึงโรคก็ไปมาตามเส้นทางสายไหมเช่นกัน นอกเหนือจากการค้าทางเศรษฐกิจแล้ว เส้นทางสายไหมยังใช้เป็นการค้าทางวัฒนธรรมในบรรดาอารยธรรมตามเครือข่ายเส้นทางด้วย[5]
ผู้ค้าหลักระหว่างยุคโบราณ คือ ชาวจีน เปอร์เซีย กรีก ซีเรีย โรมัน อาร์มีเนีย อินเดียและแบกเตรีย (Bactrian) และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 8 เป็นชาวซอกเดีย (Sogdian) ระหว่างการเจริญของศาสนาอิสลาม พ่อค้าอาหรับกลายมาโดดเด่น
ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 38 พ.ศ. 2557 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ มีมติให้ขึ้นทะเบียนเส้นทางสายไหมในจีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เส้นทางสายไหม : โครงข่ายเส้นทางฉนวนฉางอาน-เทียนชาน โดยให้เหตุผลว่า เส้นทางนี้เป็นที่ยอมรับกันว่ามรดกทางอารยธรรของมนุษยชาติ ในฐานะเป็นเส้นทางโบราณในการติดต่อค้าขายและสื่อสารระหว่างตะวันออกกับตะวันตก